นายฤทธิ์ ธีระโกเมน

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

ในปี 2567 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.5 ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่มีการขยายตัวร้อยละ 2.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการส่งออกที่มีการขยายตัวได้ดี ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่มีความรุนแรงยิ่งขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ตลอดจนต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ บริษัทฯ จึงได้มีการปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด โดยมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สำคัญ เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่ทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม การปรับกำลังคนในร้านสาขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมทั้งการปรับเมนูอาหารและรูปแบบร้านอาหารให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เป็นต้น

อนึ่ง ในปี 2567 ยังมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะมีผลต่อการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว ดังนี้

  • • การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ” ซึ่งเป็นร้านแฮมเบิร์กชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซปต์ “บดใหม่ ย่างใหม่ หุงใหม่ ทุกคำ” โดยเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
  • • การออกผลิตภัณฑ์ “ชุดสุกี้ลูกชิ้นรวมมิตร เอ็มเค” เพื่อวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าได้อีกหนึ่งช่องทาง รวมถึงมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอสินค้าใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้นในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในเชิงทางการเงิน สำหรับปี 2567 สรุปได้ดังนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 15,418 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 7.5 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,442 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า คิดเป็นร้อยละ 14.3 ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นได้ปรับลดลงจาก 1.83 บาทต่อหุ้น สำหรับปี 2566 เป็น 1.57 บาทต่อหุ้น สำหรับปี 2567

ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังมีการขยายเครือข่ายสาขาร้านอาหารอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยได้เปิดร้านอาหารใหม่เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 21 สาขา ประกอบด้วย ร้านอาหารเอ็มเค สุกี้ 8 สาขา ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ 5 สาขา ร้านอาหารแหลมเจริญ ซีฟู้ด 6 สาขา ร้านฮิคินิคุ โตะ โคเมะ 1 สาขา และร้านในรูปแบบมัลติแบรนด์ อีก 1 สาขา

สำหรับผลประกอบการในปี 2567 นั้น แม้ว่ากำไรสุทธิของบริษัทฯ มีการปรับตัวลดลง แต่บริษัทฯ ก็ยังมีสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท (ปี 2566: 1.60 บาท) โดยที่บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท ดังนั้น หากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ เสนอมาในครั้งนี้ บริษัทฯ ก็จะดำเนินการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 นี้

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 นั้น คาดว่าเศรษฐกิจในภาพรวมน่าจะมีการขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการจัดการกับปัญหาภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างไม่เต็มที่ นอกจากนี้ ในธุรกิจร้านอาหารนั้นยังมีปัจจัยในด้านการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่เข้ามาในธุรกิจนี้ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และความต้องการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับประทานอาหาร ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ รวมถึงการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้าน AI เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความคาดหวังว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ส่งมอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า และมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2568

สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัทฯ ผมใคร่ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า และลูกค้าที่ได้ให้การสนับสนุนต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยดีตลอดมา